6 เดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ตั้งแต่ได้มาพบรักกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
ก็ทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้นเยอะ ไม่ต้องการคอยนั่งเฝ้าหน้าจอ ไม่ต้องคอยตื่นเต้นเวลาเห็นราคา
หุ้นแกว่งไปแกว่งมา แล้วที่สำคัญเวลาวางแผนอะไรไว้แล้วมันทำได้ตามแผนนี่มันสะใจจริงๆ
หลังจากได้นำแนวความคิดเรื่องการ ลงทุนแบบเน้นคุณค่าของหลาย สำนักมาลองใช้ แล้วพยายามปรับให้เข้ากับตัวเอง ก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะถนัดแบบไหน แต่ก็ตั้งใจว่าอย่างน้อยก็น่าจะได้ผลตอบแทนแบบคนมักน้อยที่ 15% ต่อปี ผ่านไปครึ่งปีแรก ผลปรากฏว่าทำได้เกินกว่าที่ตั้งใจ ไว้ตั้งแต่ครึ่งปีแรก
สิ่งที่ต้องคิดตามมาก็คือจะทำ ให้ยังไง ถึงจะรักษาผลตอบแทนที่หามาได้ ไม่ได้สูญเสียไป นับกว่าหาเงินว่ายากแล้ว การรักษาไม่ได้เสียเงินยิ่งยากกว่า ดังที่บัฟเฟตมักพูดเสมอว่า กฏข้อหนึ่ง อย่าขาดทุน กฏข้อที่สอง กลับไปดูข้อที่หนึ่ง
กลับมาที่หัวข้อของ note อันนี้ดีกว่า ครึ่งปีแรกผมก็พลาดไปหลายอย่างเหมือนกันอย่างแรกเลยคือ
ซื้อ AP มาแทนที่จะซื้อ SPALI .... กลับมานั่งคิดดูว่าทำไมถึงไม่ซื้อ SPALI ก็ได้คำตอบว่า เมื่อรู้ว่าผิดแล้วไม่ยอมแก้ไข นั่นเอง ย้อนไปตอนแรกที่ซื้อ ช่วงนั้นประมาณว่าซื้อก่อนทำการบ้านที่หลัง ก็ได้ผลว่าจริงๆ แล้ว SPALI ดีกว่าแทบทุกด้าน แต่ก็ยังคิดว่า AP ก็ PE ต่ำเหมือนกัน ยังไงๆ ก็น่าจะดีเหมือนๆ กัน มาถึงตอนนี้เห็นได้ชัดเลยว่า คิดผิด ยิ่งไปดู graph เทียบกับ SET ด้วยจะเห็นว่า AP underperform เกือบจะตลอดเลย
อย่างที่สองกะว่าจะขาย CCET หลังจากที่ถือมาได้ 3 เดือน ที่จะขายเพราะเห็นว่าหุ้นเริ่มแพงแล้ว เนื่องจากเสียลูกค้าไป แต่ยังไม่ทันจะขายราคาหุ้นก็วิ่งเสียก่อน อันนี้ก็คิดผิดอีก
สุดท้ายขาย SF ออกไปเพราะนึกว่าตลาดไม่ตอบสนองกับ Mega project IKEA ก็คิดผิดอีกจนได้
ต้องมาดูว่าครึ่งปีหลังจะมีอะไร ผิดอีกไหม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น